6 พิกัดสีสันสดใสน่าเที่ยวแบบไม่ง้อฟิลเตอร์!

ผู้เดินทางชาวไทยส่วนใหญ่ต่างกล่าวว่าปัจจัยสำคัญในการเลือกจุดหมายปลายทางสำหรับทริปถัดไปของพวกเขาคือ “บรรยากาศแปลกใหม่” และ “อากาศไม่แปรปรวน” Booking.com ในฐานะผู้นำด้านการเดินทางแบบดิจิตอลซึ่งเชื่อมโยงผู้เดินทางกับตัวเลือกที่พักแปลกใหม่ที่หลากหลายที่สุด ประสบการณ์การเดินทางสุดพิเศษ และตัวเลือกการเดินทางที่ราบรื่นไม่มีสะดุด จึงได้คัดเลือก 6 พิกัดที่มีสีสันสดใสที่สุดในโลกมาให้คุณหนีไปชาร์จแบตเติมพลังให้ชีวิตกันแบบเต็มอิ่มในช่วงฤดูหนาวนี้
เชฟชาอูน ประเทศโมร็อกโก
“เมืองสีฟ้าแห่งโมร็อกโก” แห่งนี้ได้รับความนิยมในบรรดาสาวกอินสตราแกรมเป็นอย่างมาก ด้วยสภาพแวดล้อมที่สวยงาม สีสันเตะตาของบ้านเรือนและร้านค้าจำนวนมหาศาลที่ถูกละเลงเป็นเฉดสีต่าง ๆ ทั้งสีท้องฟ้า สีดอกไอริส และสีคราม นอกจากนี้ยังมีแสงอาทิตย์แอฟริกาเหนือที่คอยมอบความอบอุ่นให้กับเมืองนี้ ในขณะที่บรรยกาศโดยรอบตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นสดชื่นของเครื่องเทศบดสดใหม่แสนเย้ายวน และเสียงเจื้อยแจ้วในตลาดของนักสะสมที่กำลังต่อราคาสินค้างานฝีมือทั้งหลายอย่างกระตือรือร้น
ที่พักแนะนำ: Dar Jasmine เป็นเกสต์เฮาส์แสนสบาย อยู่ไม่ไกลจาก Ras El Ma ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดื่มของหมู่บ้านและสวยงามเหมาะกับการถ่ายรูปอย่างยิ่ง เนื่องจากการมาเยือนเชฟชาอูนต้องใช้รถยนต์หรือรถบัสเท่านั้น จึงควรใช้โอกาสนี้แวะเมืองเฟสระหว่างทางด้วยเช่นกัน

โบ-คาบ เคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้
ในขณะที่ซีกโลกเหนือของเรากำลังเผชิญกับความหนาวเย็น แต่ในเคปทาวน์กลับเป็นฤดูร้อน! หากอยากสัมผัสสีสันแสนสดใส แสงแดด และเครื่องเทศ ขอแนะนำให้สำรวจย่านโบ-คาบอันเก่าแก่ซึ่งปูถนนด้วยก้อนหินและเต็มไปด้วยบ้านเรือนโทนสีลูกกวาด โบ-คาบซึ่งมีความหมายว่า “เหนือแหลม” ในภาษาแอฟริคานส์นั้นเป็นย่านชุมชนชาวเคปมาเลย์ (ชนกลุ่มน้อยเชื้อสายมาเลย์ในแอฟริกาใต้) และจุดศูนย์กลางของวัฒนธรรมชาวเคปมาเลย์ที่ได้รับอิทธิพลผสมผสานระหว่างอินโดนีเซียและยุโรป
ที่พักแนะนำ: Nazari House อพาร์ตเมนต์สีสันสดใสดูทันสมัยแปลกตา ที่พักตั้งอยู่ใจกลางเมืองโบ-คาบ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากสำรวจทั้งในย่านตัวเมือง และบริเวณอื่น ๆ ที่ไกลออกไปของเมืองเคปทาวน์
จ๊อดปูร์ ประเทศอินเดีย
ณ เมืองจ๊อดปูร์ คุณจะได้พบกับบ้านเรือนนับพันในหลากเฉดสีของท้องฟ้าและทะเลเท่าที่จะจินตนาการได้ อุณหภูมิในหน้าหนาวของที่นี่จะอยู่ที่ประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส เมืองนี้จึงเหมาะสำหรับการพักผ่อนสบาย ๆ ในอากาศอุ่นกำลังดี อีกทั้งยังมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ให้ไปสำรวจ และอาหารรสชาติเผ็ดร้อนให้ลิ้มลองอีกด้วย
ที่พักแนะนำ: The Almond Tree ตั้งอยู่ในย่านเงียบสงบโอบล้อมด้วยความเขียวชอุ่ม อยู่ไม่ไกลจากป้อมเมห์รานการห์ บีแอนด์บีแห่งนี้ผสมผสานเสน่ห์ ความหรูหรา และความผ่อนคลายได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความเร่งรีบวุ่นวาย นอกจากนี้ผู้เข้าพักก็ยังสามารถอิ่มอร่อยกับอาหารโฮมเมด ณ ห้องบนอาหารบนดาดฟ้าของที่พักระหว่างดื่มด่ำกับวิวตระการตาของ Umaid Bhawan Palace (หนึ่งในที่อยู่อาศัยส่วนตัวซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก) และชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปพร้อมกัน

ย่านซานฮวนเก่า ประเทศเปอร์โตริโก
อีกหนึ่งเมืองซึ่งอยู่ในลิสต์จุดหมายมาแรงในปี 2020 ซานฮวนขึ้นชื่อเรื่องประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ อาหารรสเลิศ ไนท์ไลฟ์แสนคึกคัก และสถาปัตยกรรมแบบสเปนสีสันสดใส ทั้งหมดนี้อยู่ในย่านใจกลางดั้งเดิม Viejo San Juan หรือ “ซานฮวนเก่า” นั่นเอง
ที่พักแนะนำ: Santurcia Hostel ตั้งอยู่ในใจกลางย่าน Santurce Art District อันมีชีวิตชีวาของซานฮวน เหมาะกับการพบปะนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ จากทั่วโลก รวมไปถึงลานระเบียงดาดฟ้ามองเห็นวิวเมืองสุดตระการตา ตลอดจนดีไซน์สุดโมเดิร์น และกิจกรรมพิเศษที่จัดโดยทางโฮสเทลอย่างคลาสเล่นโยคะท่ามกลางแสงจันทร์ และกาฉายภาพยนตร์ยามค่ำคืน
วิลเลมสตัด ประเทศคูราเซา หมู่เกาะเนเธอร์แลนด์แอนทิลลิส
สถาปัตยกรรมสไตล์ดัตช์ดั้งเดิมในโทนสีสด ๆ อย่างส้ม ชมพู และเหลือง ตลอดจนเมืองหลวงอันมีชีวิตชีวาของเกาะในทะเลแคริบเบียนอย่างคูราเซา หลอมรวมกันกลายเป็นการบำบัดอย่างดีในบรรยากาศฤดูร้อนสำหรับผู้ที่ไม่อยากติดแหงกอยู่กับความอึมครึมช่วงหน้าหนาว วิลเลมสตัดเป็นเมืองสุดงดงามที่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกของ UNESCO ที่นอกจากจะทำให้คุณอารมณ์ดีแล้วยังเพิ่มความสดใสให้ฟีดในโซเชียมีเดียลของคุณอีกด้วย

ที่พักแนะนำ: Bed & Bike Curacao เป็นที่พักสมชื่อเพราะนอกจากห้องพักก็ยังมีบริการจักรยานฟรีให้ผู้เข้าพักใช้ออกสำรวจเมืองอีกด้วย ที่พักนี้ตั้งอยู่ใจกลางวิลเลมสตัด ไม่ไกลจากทะเล อีกทั้งยังอยู่ในย่านยอดนิยมอย่าง Pietermaai District ซึ่งเป็นแหล่งร้านอาหารดี ๆ และที่เที่ยวกลางคืนสุดเจ๋ง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รักในเสียงดนตรี หรือการพบปะพูดคุยกับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และศิลปินท้องถิ่น
จอร์จทาวน์ เกาะปีนัง
จอร์จทาวน์เมืองหลวงของเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO ที่นี่เป็นจุดหมายสุดคึกคักที่อัดแน่นไปด้วยประวัติศาตร์ รวมไปถึงงานศิลปะแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย เนื่องจากจอร์จทาวน์ไม่มีฤดูหนาวจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเหล่านักเดินทางที่อยากหนีหนาวมาหาความอบอุ่น เพราะมีแดดจ้าตลอดตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงเมษายน ที่นี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินสำรวจสัมผัสอากาศอุ่น ๆ และชมสตรีทอาร์ตตื่นตา บ้านเรือนเก่าแก่ ร้านค้าสไตล์จีนโบราณ ตลอดจนวัด มัสยิด และโบสถ์แสนสวย
ที่พักแนะนำ: Campbell House เป็นโรงแรมบูติคสุดหรูและไฮคลาสที่รายล้อมไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารท้องถิ่นมากมาย แม้ว่าจอร์จทาวน์จะขึ้นชื่อเรื่องสตรีทฟู้ดอร่อย ๆ แต่หากอยากทานอาหารอิตาเลียนรสเลิศสักมื้อแล้วล่ะก็ ห้องอาหารของโรงแรมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน
สำหรับผู้ที่ต้องการตามรอย 6 พิกัด และมองหาที่พัก สามารถค้นหาแหล่งรวมที่พักได้ที่เว็บไซต์ booking.com
